
Baifern
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ประวัติส่วนตัว
ประวัติกีฬาแบดมินตัน

กีฬาแปดมินตัมเชื่อว่ามีการเล่นครั้งแรกที่ยุโรปสมัยตอนปลายศตสรรษที่ 17 แต่ไม่มีหลักฐานอย่างแน่ชัดว่าเล่นกันแพร่หลายในหมู่พระราชวงศ์ของสำนักต่างๆ และมีชื่อเรียกต่างกันไปด้วย
ประวัติของกีฬาแบดมินได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานที่แน่นอนในปี ค.ศ. 1870 คือ กีฬาลูกขนไก่เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย เมืองปูนา ภายหลังนายทหารอังกฤษ ที่ประจำการอยู่ที่นั่นนำเอาการเล่นแบบนี้ไปเผยแพร่ที่ประเทศอังกฤษและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขาวง โดยเฉพาะที่คฤหาสน์ "แบดมินตัน" ของดยุคแห่งบิวฟอร์ด และกีฬาลูกขนไก่ก็มีชื่อเรียกว่า "แบดมินตัน" ต่อมาชาวยุโรปี่อพยพไปอยู่อเมริกา นำเอากีฬานี้ไปเผยแพร่ด้วย ร่วมทั้งประเทศอื่นๆในทวีปเอเชียก็ได้รับการเผยแพร่ต่อๆกันมา
สมาคมแบดมินตันได้ตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1893 โดยเรียกว่า "สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศอังกฤษ หรือเรียกว่า"ออลอิงแลนด์" โดยเริ่มจัดตั้งอต่ปี ค.ศ.1889 และในปี ค.ศ. 1934 ได้ตั้งสหพันธ์แบดมินตันระหว่างชาติขึ้นโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงลอนดอน มีบทบาทในการกำหนด และควบคุมระเบียบข้อบังคับและกติกาด่างๆ ของเกมแบดมินตันทั่วโลก ปัจจุบันมีประเทศที่อยู่ในเครือสมาชิกกว่า 60 ประเทศ
เซอร์ จอร์ช โธมัส เป็นนักแบดมินตันของอังกฤษที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสหพันธ์คนแรก เขาได้มอบถ้วยโธมัส สำหรับการแข่งขันแบดมินตันชิงชนะเลิศ กีฬาแบดมินตันเป็นที่นิยมเล่นทั้งชายและหญิง สหพันธ์จึงจัดให้มีการแข่งขันแบดมินตันสำหรับสตรีขึ้น โดยได้รับถ้วยรางวัลซึ่งบริจาคโดย มิสซิส เอช. อูเบอร์ อดีตนักกีฬาแบดมินตันของอังกฤษ เรียกว่า "อูเบอร์คัพ" เริ่มจัการแข่งขันเมื่อปี 1955 สำหรับการแข่ง "ออลอิงแลนด์" ถือเป็นการแข่งขันประจำปี วงการแบดฯจะยกย่องผู้ที่ชนะเลิศในประเภทต่างๆ ว่าเป็นแชมเปี้ยนโลกอย่างไม่เป็นทางการเสมอ
กีฬาแบดฯ ในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อราวๆปี พ.ศ. 2456 โดยพระยาพิพัทกุลพงษ์ นำมาเผยแพร่ โดยตั้งคอร์ดไว้ที่บ้านให้ลูก หลาน เพื่อนฝูง ญาติมิตรมาเล่นกันเป็นประจำ ตอนแรกๆมักนิยมเล่นฝ่ายละ 3 คน
ราวปี พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมได้เปิดการแข่งขันแบดมินตันทั้งไปเป็นครั้งแรก พระยาจินดารักษณ์ได้ริเริ่มตั้งสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยขึ้นในปี พ.ศ. 2494 และไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์แบดมินตันระหว่างชาติด้วย สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยมีนักกีฬาแบดฯที่มีฝีมือดีอยู่ จนได้เข้าแข่งขันชิงชนะเลิศถ้วยโธมัสประจำปี 2494-2495 และได้เข้าแข่งขันถึงรอบชิงชนะเลิศที่ประเทศอินเดีย
ประชาชนชาวไทญนิยมเล่นกีฬาแบดฯเป็นจำนวนมากจึงมีการเปิดการเรียนการสอนทั้งในและนอกโรงเรียนด้วย มีการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ในการเล่นจนสามารถส่งออกไปขายประเทศใกล้เคียงอีกด้วย
อุปกรณ์ในการเล่นแบตมินตัน
ไม้แบดมินตัน
ไม้แบดมินตันมี 2 ประเภท คือประเภทไม้และโลหะ มีขนาดไม่เท่ากันแล้วแต่บุคคล และต้องขึงด้วยเอ็นตึง ไม้ไม่บิดเบี้ยว เมื่อเอมือกดแล้วเอ็นไม่หย่อน ในการเลื่อกซื้อไม้แบดมินตัน สามารถทดสอบได้คือ เอ้นขึงตึงหรือไม่โดยเอานิ้งดีด หรือเอาเล็บกรีดเอ็นฟังเสียงเอาก็ได้

ลูกขนไก่
ลูกขนไก่ มีขนาดน้ำหนักระหว่าง 73-85 เกรน (4.73-5.50 กรัม) และต้องมีขนไก่ระหว่าง 14-16 ขนปักอยู่ที่หัวไม้ก๊อก มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 2.5-2.8 เซนติเมตร ตั้งแต่ปลายสุดของขนไก่ถึงฐานไม้ก๊อกมีความยาวระหว่าง 6.4-7 เซนติเมตร ขนไก่ต้องแผ่ที่ปลายเป็นวงกลมมีศูนย์กลางยาวระหว่าง 5.4-6.4 เซนติเมตร มีด้ายหรือสิ่งอื่นๆผูกรัดแน่น ลุกขนไก่ที่เชื่อถือเป็นลุกที่มีความเร็วโดยถูกต้องนั้น ต่อเมื่อผู้เล่นที่มีกำลังตามปกติตีลูกพุ่งขึ้นอย่างสุดแรงเกิด จากจุดที่อยู่บนเส้นเขตหลังของด้านหนึ่งเป็นมุมตั้งขึ้นและขนานกับเส้นข้าง ลูกนั้นจะตกลงห่างเส้นเขตหลังอีกด้านหนึ่งเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 ฟุตและไม่เกิน 2 ฟุต 6 นิ้ว
สนามแบดบินตันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามี 2 ประเภท คือ
1. ประเภทคู่ ต้องทำแบบประเภท ก. ซึ่งมีความยาวตามที่ได้กำหนดไว้ในแบบนั้น และต้องทาเส้นด้วยสีดำ สีขาง หรือสีอื่นๆ ที่สามารถมองเห็นได้ง่ายและชัดเจนมีความกว้าง0.04 เมตรมนการทำเส้นสนาม ส่วนกว้างของเส้นกลางทั้ง 2 เส้น จะแบ่งออกเป็นส่วนเทาๆกัน ส่วนหนึ่งอยู่ในสนามส่งลูกทางขวา อีกส่วนอูย่ทางซ้าย ส่วนกว้างของเส้นส่งลูกยาวและเส้นส่งลูกสั้นจะต้องรวมกันได้ 3.96 เมตร ของสนามส่งลูกและเส้นกว้างของเส้นต่างๆจะต้องรวมอยู่ในความกว้างยาวของสนามที่กำหนด
2. ประเภทเดี่ยว ในที่ที่ไม่สามารถสร้างสนามประเภทคู่ได้ อาจเนื่องมาจากมีสิ่งกีดขวาง หรือเนื้อที่ไม่เพียงพอ อาจทำเป็นสนามเดียวได้ ดดยทำแบบ ข. เส้นหลังก็กลายเป็นเส้นส่งลูกยาวไปด้วย และเสาหรือวัสดุอื่นๆที่ใช้แทนเสาดังที่กล่าวไว้ในกติกา ข้อ 2 จะต้องอญู่ที่เส้นเขตด้านข้างและเสาจะต้องอยู่ห่างพื้นสนาม 1.55 เมตร ตอนบนของตาข่ายติดแถบสีขาวพับสองขนาดกว้าง 3 นิ้ว มีเชือก หรือลวดร้อยกลางตลอดแถบผ้านี้ และขึงตึงได้ระดับหัวเสาทั้ง 2ข้าง
กติกาแบดมินตัน
สหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ ( IBF) ได้กำหนดให้ ทดลองใช้ระบบการนับคะแนนการแข่งขันกีฬาแบดมินตันใหม่ ในระบบ Rally Point เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2549 และปัจจุบันได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ โดยมีสาระสำคัญของกติกาการนับคะแนนสรุปได้ดังนี้ 1. แมทช์หนึ่งต้องชนะให้ได้มากที่สุดใน 3 เกม 2. ทุกประเภทของการแข่งขัน ฝ่ายที่ได้ 21 คะแนนก่อนเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น ยกเว้นเมื่อได้ 20 คะแนนเท่ากันต้องนับต่อให้มีคะแนนห่างกัน 2 คะแนน ฝ่ายใดได้คะแนนนำ 2 คะแนนก่อนเป็นผู้ชนะ แต่ไม่เกิน 30 คะแนน หมายความว่าหากการเล่นดำเนินมาจนถึง 29 คะแนนเท่ากันฝ่ายใดได้ 30 คะแนนก่อน เป็นผู้ชนะ 3. ฝ่ายชนะเป็นฝ่ายส่งลูกต่อในเกมต่อไป 4. ฝ่ายชนะการเสี่ยงสิทธิ์เป็นฝ่ายส่งลูกได้ก่อน หากฝ่ายตรงข้ามทำลูก "เสีย" หรือลูกไม่ได้อยู่ในการเล่น ผู้เลือกส่งลูกก่อนจะได้คะแนนนำ 1-0 และได้ส่งลูกต่อ แต่หากผู้ส่งลูกทำลูก "เสีย" หรือลูกไม่อยู่ในการเล่น ฝ่ายตรงข้ามจะได้คะแนนตามมาทันทีเป็น 1-1 และฝ่ายตรงข้ามจะได้สิทธิ์ส่งลูกแทน ดำเนินเช่นนี้ต่อไปจนจบเกม 5. ประเภทคู่ให้ส่งลูกฝ่ายละ 1 ครั้ง ตามคะแนนที่ได้ ขณะที่เปลี่ยนฝ่ายส่งลูก หากคะแนนเป็นจำนวนคี่ ผู้อยู่คอร์ดด้านซ้ายเป็นผู้ส่งลูก หากคะแนนเป็นจำนวนคู่ผู้อยู่คอร์ดด้านขวาเป็นฝ่ายส่งลูก
แสตมป์ดวงแรกของโลกกกก

แต่ก่อนการส่งจดหมายไปมาถึงกัน ยังไม่มีระบบฝากส่งที่ดีเช่นในปัจจุบัน ประเทศอังกฤษได้นำเอาแบบอย่างการไปรษณีย์ฝรั่งเศสมาดำเนินการประยุกต์ใช้ แต่ปรากฏว่าไม่ประสบผลดีเท่าที่ควรและขาดทุน เนื่องจากในระยะเริ่มต้นนั้น ผู้ส่งจดหมายไม่ต้องเสียค่าฝากส่ง บุรุษไปรษณีย์จะนำจดหมายไปส่งให้กับผู้รับและเรียกเก็บเงินจากผู้รับ จึงมีผู้หลีกเลี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินค่ารับจดหมายเป็นจำนวนมาก
ปี พ.ศ.2379 นายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ( Rowland Hill ) ชาวอังกฤษ ได้เสนอวิธีคิดค่าธรรมเนียมในการฝากส่ง โดยให้ถือน้ำหนักเป็นเกณฑ์ และกำหนดให้มีมาตรฐานต่อจดหมาย 1 ฉบับ ต่อ 1 เพนนี นอกจากนี้ได้เสนอให้มีการจัดพิมพ์ตราไปรษณียากร หรือแสตมป์ ( Postage Stamp ) สำหรับให้ผู้ใช้บริการซื้อไว้เพื่อปิดผนึกบนห่อซองจดหมาย ณ บริเวณมุมบนด้านขวามือ เพื่อแสดงให้ทราบว่าจดหมายฉบับนั้นได้ชำระค่าธรรมเนียมแล้ว
ข้อเสนอของนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอังกฤษ ประเทศอังกฤษจึงเป็นประเทศแรกที่ได้ปฏิรูปการไปรษณีย์เสียใหม่ โดยให้ผู้ฝากส่งเป็นผู้ชำระค่าจดหมายล่วงหน้า และแสตมป์ดวงแรกก็ได้อุบัติขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2383
แสตมป์ชนิดราคา 1 เพนนีสีดำ มีพระบรมฉายาลักษณ์ผินพระพักตร์ข้างของสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย กษัตริย์อังกฤษในสมัยนั้น นักสะสมจึงเรียกกันทั่วไปว่า ชุด "เพนนีแบล็ค" ( PENNY BLACK ) แสตมป์ชุดแรกของโลกมีข้อสังเกตได้ว่าแตกต่างจากแสตมป์ชุดอื่นๆ 3 ประการ คือ ไม่มีชื่อประเทศ ไม่มีกาวด้านหลัง และไม่มีฟันแสตมป์ ด้วยจำนวนดวงในแผ่นมีทั้งสิ้น 240 ดวง เมื่อจะใช้ต้องใช้กรรไกรตัดออกมา ทำให้แสตมป์มีขอบเรียบทั้ง 4 ด้าน
สำหรับนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ผู้ทำความดีแก่การไปรษณีย์อังกฤษอย่างเอนกอนันต์ ภายหลังสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย ได้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ให้เป็นขุนนางชั้นบาธ ( BATH ) ตำแหน่ง เซอร์ โรว์แลนด์ ฮิลล์ ( Sir Rowland Hill )
วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553
KeYBoarD

คียบอร์ด หรือ แป้นพิมพ์ (ศัพท์บัญญัติใช้ว่า แผงแป้นอักขระ) เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทุกเครื่องจำเป็นต้องมี เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยปกติมักจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือใกล้เคียง มีแป้นต่างๆ ประมาณร้อยแป้นอยู่บนคีย์บอร์ด (ขึ้นอยู่กับผังแป้นพิมพ์) ซึ่งถอดแบบมาจากเครื่องพิมพ์ดีด ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับรับข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ แล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต จากนั้นจึงส่งให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล หรือใช้ควบคุมฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของคอมพิวเตอร์ และเพื่อให้การป้อนข้อมูลที่เป็นอักขระและตัวเลขทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น คีย์บอร์ดจึงแยกแผงที่เป็นแป้นอักขระกับแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก
คีย์บอร์ดของไมโครคอมพิวเตอร์ตระกูล IBM ในรุ่นแรกๆ ประมาณปี ค.ศ. 1981 จะมีแป้นทั้งหมด 83 แป้น ซึ่งมีชื่อเรียกว่า คีย์บอร์ด PC-X และในปี ค.ศ. 1984 ก็ได้พัฒนาแป้นพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็น 84 แป้นพิมพ์มีชื่อเรียกว่า คีย์บอร์ด PC-AT ต่อจากนั้นก็ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ตามความต้องการของผู้ใช้เรียกว่า คีย์บอร์ด AT และพัฒนามาเป็นรุ่น PS/2 โดยมีแป้นพิมพ์เพิ่มขึ้นอีก 17 แป้นพิมพ์รวมแล้วก็เป็น 101 แป้นพิมพ์
แต่จะใช้แป้นพิเศษแป้นหนึ่งทำหน้าที่สลับเปลี่ยนการพิมพ์ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษภายใต้การควบคุมของซอฟต์แวร์อีกชั้นหนึ่ง แผงแป้นอักขระสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ตระกูลไอบีเอ็มที่ผลิตออามารุ่นแรก ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 จะเป็นแป้นรวมทั้งหมด 83 แป้น ซึ่งเรียกว่า แผงแป้นอักขระพีซีเอ็กซ์ที ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 บริษัทไอบีเอ็มได้ปรับปรุงแผงแป้นอักขระ กำหนดสัญญาณทางไฟฟ้าของแป้นขึ้นใหม่ จัดตำแหน่งและขนาดแป้นให้เหมาะสมดียิ่งขึ้น โดยมีจำนวนแป้นรวม 84 แป้น เรียกว่า แผงแป้นอักขระพีซีเอที และในเวลาต่อมาก็ได้ปรับปรุงแผงแป้นอักขระขึ้นพร้อม ๆ กับการออกเครื่องรุ่น PS/2 โดยใช้สัญญาณทางไฟฟ้า เช่นเดียวกับแผงแป้นอักขระรุ่นเอทีเดิม และเพิ่มจำนวนแป้นอีก 17 แป้น รวมเป็น 101 แป้น
การเลือกซื้อแผงแป้นอักขระควรพิจารณารุ่นใหม่ที่เป็นมาตรฐานและสามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ สำหรับเครื่องขนาดกระเป๋าหิ้วไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊ค ขนาดของแผงแป้นอักขระยังไม่มีการกำหนดมาตรฐาน เพราะผู้ผลิตต้องการพัฒนาให้เครื่องมีขนาดเล็กลงโดยลดจำนวนแป้นลง แล้วใช้แป้นหลายแป้นพร้อมกันเพื่อทำงานได้เหมือนแป้นเดียว